ฮ่อยจ๊อ

เคยกินฮ่อยจ๊อกันมั้ยคะ… หลายคนพออ่านถึงตรงนี้เริ่มงงว่าฮ่อยจ๊อคืออะไร ลิ้นเริ่มรัว เหงื่อแตก มือสั่น นี่ฉันทำอะไรผิดไปเนี่ย… อ่านผิดอ่านถูกกันไปหมด พูดเว่อร์ ๆ ไปงั้นแหละค่ะ ความอรรถรสล้วน ๆ แล้วฮ่อยจ๊อมันเหมือนกับหอยจ้อหรือเปล่า… หอยจ้อนี่เอาหอยมาทำหรอ… เอาจริง ๆก็คืออาหารประเภทเดียวกัน แต่คนไทยหลายคนเนี่ยใช้ผิดกันมาตลอด แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือยังมีบางแบรนด์ตามท้องตลาดใช้คำว่าฮ่อยจ๊อผิดด้วย เลยทำให้สามารถเป็นหนึ่งในที่มาว่าทำไมคนไทยเขียนคำว่า ”ฮ่อยจ๊อ” ผิดกันเกลื่อนเลย จะกินฮ่อยจ๊อทั้งที เราก็ต้องกินแบบมีความรู้ไปด้วยค่ะ เรียกได้ว่า…กินแบบบูรณาการความรู้กันเลยทีเดียว! ฉะนั้นอย่ามัวรอช้าค่ะ…เรามาเรียนรู้ถึงประวัติของเจ้าของอร่อยตัวนี้กัน

ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ฮ่อยจ๊อ” เป็นอาหารแบบจีนชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อปู มันหมูแข็งต้มสุก ผสมกับแป้งมันและเครื่องปรุงรส บดหรือโขลกจนเหนียวแล้วห่อด้วยฟองเต้าหู้เป็นท่อนกลม ๆ ยาว ๆ มัดเป็นเปลาะ ๆ นึ่งแล้วทอดให้สุก ตัดแบ่งเป็นลูกๆ กินกับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวาน โดยอาหารชนิดนี้เราได้รับมาจากพี่จีนแผ่นดินใหญ่ค่ะ ดังนั้นถ้าเราสังเกตดูเนี่ย…จะพบว่าของทอดสุดแสนอร่อยตัวนี้มักจะเสิร์ฟตามภัตตาคารร้านอาหารจีนทั่วไป เพราะถือว่าหารับประทานค่อนข้างง่ายแล้วก็ราคาก็แอบเป็นมิตรนะคะ แต่! ที่เราพูดก็คือส่วนใหญ่นะแก… โดยคำว่า “ฮ่อยจ๊อ” เราได้รับอิทธิพลการยืมคำมาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่งน้องฮ่อยจ๊อในภาษาจีนแต้จิ๋ว ( 蟹枣 ) ออกเสียงคล้ายๆ “โห่ย-จ้อ” หรือ “ห่อย-จ้อ” เรามาขยายความหมายกันซักนิดค่ะ เพื่อความเข้าใจมากขึ้น คำว่า “ฮ่อย” ในภาษาจีนหมายถึงปู ส่วน “จ๊อ” นั้นหมายถึงผลของพุทธาจีนหรือรูปร่างลักษณะแบบพุทธาจีน จากที่เรากล่าวไปข้างต้นว่าสรุปเราต้องเขียนฮ่อยจ๊อ ไม่ใช่หอยจ้อ ก็เพราะว่าวัตถุดิบที่เราเอามาทำอาหารนั้นคือปูค่ะ ไม่ใช่หอยนะเออ! เพราะถ้าเราเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นไก่ มันก็จะกลายเป็นไก่จ๊อ ถ้าอยากรับประทานหมู มันก็จะหลายเป็นหมูจ๊อ เพียงเท่านี้เองล่ะค่ะ…เราก็จะได้ไม่งุนงงสับสนว่าใช้ยังไงกันแน่ จำให้ได้นะคะ…เราอยากกินปูไม่ได้อยากกินหอย ดังนั้นมาใช้ให้ถูกกันค่ะ แต่เดี๋ยว!…ขอเบรกก่อนค่ะ! แฮ่กึ๊นกับฮ่อยจ๊อไม่เหมือนกันนะ หลายคนเหมารวม ด้วยรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันมาก เรียกได้ว่ามันคือแฝดคนละฝา แต่ต่างกันตรงที่แฮ่กึ๊นจะใช้กุ้งในการทำค่ะ อารมณ์ก็จะประมาณทอดมันกุ้งหน่อย ซึ่งแฮ่กึ๊นเป็นอาหารของชาวจีนแต้จิ๋วเช่นกัน มีลักษณะคล้ายทอดมัน ทำจากเนื้อกุ้งนวดกับแป้งสาลีผสมกับไข่จนเหนียว ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และพริกไทย ถ้าเราหั่นออกมา ลักษณะก็จะแบน ๆ หน่อย โอเคแล้วนะคะ…ตรงนี้เราเก็ทกันแล้ว! ฉะนั้นเราก็มามีสาระแบบอิงความรู้คู่ประวัติศาสตร์กันจริง ๆ ซักทีค่ะ 

ย้อนไปตั้งแต่สมัยที่พระเจ้าเหายังไม่เกิดหรือเกิดแล้วก็ไม่อาจทราบได้ เรียกว่านานมากค่ะ การติดต่อค้าขายกับจีนเรามีมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นอาณาจักรต่าง ๆ อยู่ เช่น อาณาจักรศรีวิชัย , อาณาจักรทวารวดี เป็นต้น  จากนั้นก็มีมาเรื่อย ๆ เลย สมัยที่เราสามารถสังเกตเห็นได้แบบชัดเจนก็คือสมัยสุโขทัย ในขณะที่พ่อขุนรามคำแหงยังทรงปกครองอยู่ เรียกได้ว่าไทยก็ได้รับอิทธิพลจากพี่จีนมาเยอะพอสมควร จนท้ายที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์  ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดนะคะว่าปีพุทธศักราชอะไร แต่เอาเป็นว่าต้น ๆ สมัยรัตนโกสินทร์ คนจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองรัตนโกสินทร์แห่งนี้ โดยมีการแต่งงานข้ามเชื้อชาติกัน ในสมัยนั้นก็คือว่า…ฮิตติดเทรน ใครเป็นลูกจีนก็คือดาราเลยค่ะ มาแจ้งเกิดในวงการหญิงชายชาวสยาม การอพยพก็มีมาเรื่อย ๆ แต่ค่อนข้างจะแบบหยุมหยิม ไม่เยอะเท่าไหร่ จนในปีพ.ศ. ๒๔๕๓ คนจีนเริ่มทยอย ใช้ทยอยอาจจะไม่ถูก…ใช้คำว่าทะลักดีกว่าค่ะ เข้ามาเยอะมาก เพราะร้อยละ 10 ของประชากรชาวสยามคือชาวจีนอพยพ แถมยังมีการตั้งสังคมจีนเกิดขึ้น คนจีนก็ไม่ได้อยากอยู่กับคนไทยนักหรอก…โลกส่วนตัวสูงปี๊ด… ในการอพยพครั้งนี้ก็จะมีชาวจีนหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น จีนไหหลำ , จีนแคะ , จีนฮกเกี้ยน , จีนกวางไส , จีนฮ่อ เป็นต้น แต่มีชาวจีนกลุ่มนึงที่อพยพเข้ามาเยอะมาก เยอะที่สุดในบรรดากลุ่มคนจีนทั้งหมด นั่นก็คือ…จีนแต้จิ๋ว สาเหตุของการเข้ามาในครั้งนี้ก็คือ การที่ราชวงศ์ของจีนในสมัยนั้นเกิดการทุจริต โกงกินบ้านเมืองขึ้น การที่ราชวงศ์ขูดเลือดเอาเนื้อของราษฎร แถมยังถลอกหนังอีก ชนิดที่ว่า…เอาไม่ให้ลืมตาอ้าปากได้เลย ชาวจีนจึงมุ่งหน้า…เอามาความหวังและความคิดที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เอามือช่วยกันกางเรือสำเภา โล้ทะเลมายัง ณ กรุงสยามแห่งนี้ โดยในสมัยนั้นเราเรียกคนจีนพวกนี้ว่าชาวจีนโพ้นทะเล  ร่ายมาซะยาวแล้วฮ่อยจ๊อไปไหน… นี่คือจุดเมนพอยต์ ดังนั้นการที่เรามีฮ่อยจ๊อกินทุกวันนี้ก็เพราะการอพยพเข้ามาของชาวจีนแต้จิ๋วในสมัยนั้นค่ะ อาหารมาพร้อมกับการอพยพ เป็นทฤษฎีคลาสสิค คนไทยอย่างเรา ๆไปรับประทานก็เกิดความอร่อยขึ้นมา กลายเป็นที่นิยมชื่นชอบ แล้วก็แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน เป็นไงคะทุกคน…กว่าจะได้กินฮ่อยจ๊อก็ใช้เวลาเป็นร้อย ๆปีในการนำเข้ามา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะเนี่ย! ฮ่อยจ๊อในปัจจุบัน อย่างที่บอกไปค่ะว่าหากินค่อนข้างง่าย เดินไปหน้าปากซอยก็ได้กินแล้ว แม้แต่ขยับก้นนิดหน่อยไปทางร้านสะดวกซื้อก็มีเหมือนกัน ไม่เหมือนในอดีต เพราะฮ่อยจ๊อในอดีตเป็นอาหารเจ้าคนนายคน พวกราษฎรคนทั่วไปอย่างเรา ๆก็ได้แค่กลืนน้ำลายลงคอหอย มองตาปริบ ๆ ในสมัยนั้นฮ่อยจ๊อไม่ใช่แค่อาหารชนิดเดียวที่ชาวจีนโพ้นทะเลขนกันมาให้เราได้ลิ้มลองกัน ยังมีติ๋มซำและอาหารจำพวกเส้นทั้งหลายอีกด้วยค่ะ

ฮ่อยจ๊อตามท้องตลาดเนี่ย…มีหลายเจ้าด้วยกันค่ะ ด้วยรสชาติที่อร่อย เด็ก ๆ เล็ก ๆ ชอบกันเพราะกินง่ายมาก สูตรก็จะเป็นสูตรใครสูตรมัน คิดค้นกันออกมาเป็นต้นตำหรับ ประชันความอร่อยกันออกมา แต่อยากรู้มั้ยคะว่าฮ่อยจ๊อร้านไหนคือที่สุด ซึ่งการันตีโดยวงใน หลายคนอาจจะไม่รู้จักวงใน…แต่วงในก็คือเว็บที่รวบรวมและการันตีของอร่อย เขาได้แนะนำมาว่าฮ่อยจ๊อแม่วรรณา ที่จังหวัดชลบุรีคือที่สุดแล้วค่ะ คอนเฟิร์มได้โดยระยะเวลาที่อยู่มาถึง 40 ปี ยังไงเพื่อน ๆ ลองไปหามาลองทานกันดูนะคะ เผื่อจะติดใจกัน…